คลังเชียงใหม่เผยคนเชียงใหม่รับสิทธิ์คนละครึ่งพลัสกว่า 9 แสนคน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐกว่า 4 แสนราย ร้านค้าลงทะเบียนร่วมกว่า 5,000 รายคาดกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 5.2 พันล้านบาท พร้อมเตือนให้ระวังมิจฉาชีพสบช่องแอบอ้างหลอก!
เชียงใหม่ 22 ต.ค. – นางปลื้มจิต สิงห์สุทธิจันทร์ คลังจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัสว่า บรรยากาศที่เชียงใหม่คึกคักทั้งผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์และร้านค้า ซึ่งเกินความคาดหมายที่การเปิดให้ลงทะเบียนเพียงวันเดียวก็ครบเต็มจำนวน 20 ล้านทั้งประเทศถือเป็นโครงการสำคัญตามนโยบายของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 โดยรัฐบาลมีแผนเตรียมขยายโครงการเฟส 2 เร็วๆ นี้ สำหรับผู้ลงทะเบียนไม่ทัน แต่สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการดังกล่าวได้จนถึงวันที่ 19 ธันวาคมนี้ ขณะนี้มีร้านค้าในจังหวัดเชียงใหม่สมัครเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 5,000 ราย ในส่วนของผู้ประกอบการรายย่อยสามารถลงทะเบียนได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขาโดยต้องมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือท้องถิ่น เป็นผู้รับรองการประกอบกิจการ ซึ่งร้านค้าที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ต้องเป็นร้านค้าที่มีการซื้อขายสินค้าและบริการจริง ในช่วงเวลาที่กำหนด จากการลงทะเบียนร้านค้าพบว่าเป็นผู้ประกอบการร้านค้ารายใหม่กว่า 3,300 ร้าน
สำหรับช่วงเวลาในการใช้จ่าย สามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคมนี้ เวลา 06.00 น. – 23.00 น. โดยครั้งแรกต้องใช้สิทธิภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 หากไม่ใช้สิทธิภายในเวลาที่กำหนด สิทธินั้นจะถูกดึงกลับให้ผู้ลงทะเบียนรายใหม่ทันที สำหรับร้านค้าที่มีการขายผ่านแอปพลิเคชั่น บริการเดลิเวอรี่ สามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 และทั้งนี้ขอให้ประชาชนและผู้ประกอบการระวังมิจฉาชีพ ที่อาจใช้โอกาสนี้ในการแอบอ้างช่วยร้านค้าลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งพลัส โดยส่งลิงก์ปลอมเพื่อหลอกเอาข้อมูล ซึ่งกระทรวงการคลังไม่มีนโยบายในการส่งลิงค์เพื่อขอข้อมูลกับประชาชนหรือร้านค้าเด็ดขาด
สำหรับโครงการคนละครึ่งพลัสและเพิ่มวงเงินในสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 คนละครึ่งพลัสมีจำนวนผู้ได้รับสิทธิ 974,376 คน โดยแยกจำนวนผู้ได้รับสิทธิที่เป็นผู้ยื่นภาษี 346,303 คน ยอดใช้จ่าย 4,800 บาท/คน ผู้ที่อยู่ในกลุ่มยังไม่ยื่นภาษี 628,073 คน(รวมเริ่มต้นร่วมโครงการ อายุตั้งแต่ 16 ปี) มียอดใช้จ่าย 4,000 บาท/คน เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ(เริ่มต้นโครงการ) 4,174.55 ล้านบาท เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ(ระยะเวลา 5 ปี) 3,953.30 ล้านบาท(ตัวกวีคูณ ประเภทเงินโอนกลุ่มผู้มีรายโด้น้อย เท่ากัน 0.947 (สำนักงบประมาณของรัฐสภา, 2564)) คิดเป็น 0.32% ของ GPP จังหวัดเชียงใหม่ เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศ 0.22% ของ GDP
ขณะที่กลุ่มเพิ่มวงเงินในสวัสดิการแห่งรัฐ มี 417,047 คน เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ (เริ่มต้นโครงการ) 959.21 ล้านบาท เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ(ระยะเวลา 5 ปี) 1,300.69 ล้านบาท(ตัวกวีคูณ ประเภทเงินโอนสำหรับประชาชนทั่วไป เท่ากัน 1.356 (สำนักงบประมาณของรัฐสภา, 2564)) คิดเป็น 0.10% ของ GPP จังหวัดเชียงใหม่ เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศ 0.07% ของ GDP
ทั้งสองกลุ่มจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 5,133.76 ล้านบาท เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม 5,253.99 ล้านบาท คิดเป็น 0.42% ของ GPP จังหวัดเชียงใหม่ คิดเป็น 0.29% ของ GDP เศรษฐกิจประเทศ(ที่มาจำนวนผู้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งพลัส ประมาณการจากข้อมูลประชาชากรจังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป ณ กันยายน 2568 หักด้วยจำนวนผู้ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ และข้อมูลรายงานการรับแบบ ภ.ง.ด.90,91 ปีภาษี 2567 (ข้อมูล 8 ตุลาคม 2568)







