เชียงใหม่รับนโยบายจาก รองนายกฯและ มท.1 ใหม่ “ภูมิธรรม” ย้ำไม่มีก๊วนก๊ก เดินหน้าทำงานห้ามมีเกียร์ว่าง ยาเสพติดเป็นเรือธงหลัก ชาวบ้านรู้หมด ผวจ.,ผบก.,ผกก.ไม่รู้ไม่ได้ 3 เดือนต้องชัด
เชียงใหม่ 4 ก.ค.- ที่ห้องปฏิบัติการ POC ชั้น 3 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นา
นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายชัชวาลย์ ปัญญา, นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด, นายศิวะ ธมิกานนท์ และนายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นำข้าราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยเข้ารับนโยบาย จากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรีและผู้บริหารสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผ่านระบบประชุมทางไกล ในโอกาสเข้าปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อย่างเป็นทางการ
โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายว่า การทำงานต่อไปข้างหน้าจะต้องร่วมมือกันทุกส่วนมีความเป็นปึกแผ่นเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่มีกลุ่มก๊วนมีแค่สิงห์มหาดไทยเท่านั้น ซึ่งหัวใจสำคัญของการบริหารบ้านเมืองที่ดีจะต้องนำนโยบายของรัฐบาลมาปฏิบัติอย่างเข้มข้น ไม่นิ่งเฉยและเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขวิกฤตของประชาชน ทั้งวิกฤตชีวิต เศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหายาเสพติดและการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ จะต้องทำงานให้เป็นเอกภาพและเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ข้าราชการที่ใกล้เกษียณก็ต้องทำงานอย่างเต็มที่ไม่มีเกียร์ว่าง อยากเห็นความเป็นปึกแผ่น เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่นี่ไม่มีสิงห์ดำ สิงห์แดง สิงห์ขาวสิงห์เขียว สิงห์ทอง สิงห์น้ำเงิน อะไรทั้งนั้น มีแต่สิงห์มหาไทย ตนไม่นิยมหรือสนับสนุนในลักษณะการเล่นพวกพ้อง ตนต้องการคนมีความสามารถ ถ้ามีความสามารถ อาสาทำงาน สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ก็ยินดีทั้งนั้น
“ขณะนี้เริ่มต้นจะทำงานร่วมกันได้อย่างไร ที่ผ่านมาก็ต้องมาดูเรื่องนโยบาย ตนคิดว่าการบริหารราชการแผ่นดิน ถ้านโยบายออกมาแล้วยังไม่เข้มข้น ไม่ขยับ ไม่ดำเนินการ เป็นสิ่งที่ตนรับไม่ได้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่ยังนิ่งเฉย หรือทำไม่เต็มหน่วย หรือจะเกษียณแล้วก็ไม่ทำอะไรเลย ถ้าไม่มีปัญหาสำคัญไม่เป็นไร แต่ถ้ามีปัญหาสำคัญก็ต้องจัดการให้จบ เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่ตนยังอยากเห็นกระทรวงมหาดไทยเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขวิกฤตของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตของชีวิต วิกฤตยาเสพติด” นายภูมิธรรมย้ำและว่า ยาเสพติดถือเป็นเรือธงอันดับหนึ่ง ตนจะทำที่มหาดไทยให้เห็นผล อย่างน้อยต้องความเปลี่ยนแปลงความคืบหน้าในช่วงที่ตนมา 3 เดือนแรก และจะวางแผนต่อไป เพราะก่อนที่ตนจะมามหาดไทย ตนได้จัดการแก้ปัญหา โดยเป็นผู้รับผิดชอบ Seal Stop Safe ด้วย น่าจะประมาณ 14 จังหวัด แต่ตอนนี้ที่อยากทำไม่ได้เน้น 14 จังหวัด แต่เน้นผู้ว่าฯทั้งประเทศ เพราะวิกฤตยาเสพติด เป็นวิกฤติที่คนดีหมดความอดทนแล้ว เพราะต้องเผชิญกับทุกข์ที่ไม่ได้ก่อ พร้อมระบุว่า จากการลงพื้นที่ชาวบ้านบอกว่า เรื่องยาเสพติดในหมู่บ้านรู้หมด รู้ว่าใครขาย ใครเป็นแหล่งกระจาย ใครสมคบกับข้าราชการดำเนินการทั้งหมด เพราะฉะนั้นวันนี้ต้องหยุด ประชาชนรู้หมด แต่ผู้กำกับ นายอำเภอ ผู้ว่าฯ ผู้การฯ ไม่ค่อยรู้ ก็จะมาตรวจสอบดูว่า มันเป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องเป็นคนควบคุมในจังหวัดทั้งหมด ผู้การฯจังหวัดก็ต้องควรรู้ ภาพรวมที่ผ่านมาเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ตอนนี้สำหรับมหาดไทย เป็นเรือธงสำคัญที่ต้องผลักดันให้ได้ ตนจะดำเนินการร่วมกับศูนย์ปราบปรามยาเสพติดของ ป.ป.ส. และของทหาร ตำรวจที่เกี่ยวข้อง จะประชุมวันที่ 14 กรกฎาคมนี้ ซึ่งจะบูรณาการร่วมกันทั้งหมด