ชลประทานที่ 1 จับมือเขื่อนแม่งัดฯ เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย RID UNITEDฯ สื่อสารข้อมูลสู่ประชาชน ยันรับมือพายุ “คาจิกิ” ไหว

ชป.1 จับมือเขื่อนแม่งัดฯ แจงบริหารจัดการน้ำรองรับพายุ “คาจิกิ” ได้เต็มที่ไร้กังวล เขื่อนทุกพื้นที่รองรับไหว ตลอดฝนนี้ แต่เตือนระวังภัยธรรมชาติน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 26 ส.ค.- ที่เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล(โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัดสมบูรณ์ชล) อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ นายอัฏฐวิชย์ นาควัชระ ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ เป็นประธานในการเปิดกิจกรรมโครงการสื่อมวลชนสัญจร ขับเคลื่อนนโยบาย RID UNITED ภายใต้แนวคิด ร่วมกันสร้างความมั่นคงด้านน้ำอย่างยั่งยืน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดยมี นายอัธยา อรรณพเพ็ชร ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัดบูรณ์ชล ในนามที่ปรึกษาการจัดงานโครงการสื่อมวลชนสัญจรฯ รายงานถึงเป้าประสงค์ โครงการเพื่อสร้างการรับรู้
สร้างความเข้าใจ สร้างทัศนคติต่อกลุ่มเป้าหมายให้เกิดประสิทธิภาพและส่งเสริมภาพลักษณ์ของสำนักงานชลประทานที่ 1 ต่อประชาชนและสาธารณะได้รับทราบ บทบาท หน้าที่และภารกิจการบริหารจัดการน้ำ ให้การสื่อสารเพื่อสร้างทัศนคติที่ดี แก่ประชาชนทั่วไปและให้แก่สื่อมวลชลซึ่งมีอิทธิพลต่อการรับรู้และทัศนคติของประชาชน ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างรวดเร็วฉับไวมีศักยภาพ

ขณะที่นายอัฏฐวิชย์ นาควัชระ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 กล่าวว่า โครงการสื่อมวลชนสัญจร ชับเคลื่อนนโยบาย RID UNITEDฯ ครั้งนี้ มีความสำคัญในด้านการสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายของกรมชลประทานในฐานะหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ กับภารกิจสำคัญในการพัฒนา แหล่งน้ำ จัดหาระบบส่งน้ำและบำรุงรักษาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สนับสนุนการเกษตร อุปโภคบริโภคและรักษาสมดุลของระบบนิเวศตามนโยบาย RID UNITED มุ่งเน้นการสร้างความมั่นคงด้านน้ำอย่างยั่งยืน โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน การสื่อสารและสร้างความเข้าใจแก่สาธารณชน โดยเฉพาะกลุ่มสื่อมวลชน ถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนโยบายให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านนาย จิรชัย พัฒนพงศา ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักชลประทานที่ 1 เผยว่า ปัจจุบันการบริหารจัดการน้ำของสำนักชลประทานที่ 1 พื้นที่ดูแลในจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูนและแม่ฮ่องสอน มีการบริหารเกิดการน้ำตามแผนปกติรวมถึงการกักเก็บน้ำเพื่อใช้ในฤดูแล้งก็ตามในช่วงที่มีพายุเข้าหรือช่วงฤดูน้ำหลากก็ได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือในทุกระดับ และยืนยันว่า มีความพร้อมในการรองรับพายุ “คาจิกิ” ที่กำลังส่งอิทธิพลมาในตอนนี้อย่างเต็มที่ ปริมาณการรองรับของอ่างเก็บน้ำทุกขนาดได้มีการบริหารจัดการไว้รองรับตลอดฤดูฝนนี้ รวมถึงการใช้น้ำทั้งภาคการเกษตรและอุปโภคบริโภคของประชาชน โดยเขื่อนใหญ่ แม่งัดฯ ล่าสุดมีต้ำร้อยละ 67.51 ของความจุ รองรับได้อีกกว่า 100 ล้าน ลบ.ม. ส่วนเขื่อนแม่กวงอุดมธารามีน้ำร้อยละ 62.81 ของความจุ สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 100 ล้านลบ.ม. เช่นเดียวกัน ขณะที่เขื่อนขนาดกลางตอนนี้แม้จะมุปริมาณมีเต็มอยู่ 3 แห่ง แต่มีความจุน้ำไม่มากยังสามารถบริหารจัดการได้ คืออ่างแม่ตะไคร้ อ.แม่ออน อ่างสันหนอง อ.แม่แจ่ม ที่มีน้ำ 100% ของความจุ กำลังเร่งระบายโดยไม่กระทบชาวบ้าน เช่นเดียวกับอ่างห้วยแม่ออน อ.แม่ออน มีความจุ 96% แต่ภาพรวมก็ไม่เป็นปัญหาใดๆ ยืนยันในการบริหารจัดการ รวมทั้งน้ำท่าสำคัญทั้งน้ำปิง น้ำกวง แม่แจ่ม น้ำฝาง น้ำขาน แต่ต้องเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากจากเขาหากมีฝนตกหนักเกิน 100 มม.นานหลายชั่วโมง ซึ่งมีการประสานงานการทำงานร่วมกับทุกหน่วยในทุกพื้นที่ ล่าสุดได้มีการตั้งศูนย์บัญชาการหตุการณ์ร่วมกับจังหวัดในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ทางผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการบริหารจัดการน้ำในเขื่อน บริเวณประตูหลักทุกประตูและประตูระบายน้ำ ฝายในแม่น้ำปิง ก็มีการกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ การขุดลอก มีการบำรุงรักษา ซึ่งปัจจุบันสามารถเปิดยกบานประตูระบายน้ำในแม่น้ำปิงได้ทุกบาน โดยจะระบายน้ำไปลงทะเลสาบดอยเต่า ก่อนจะไหลลงสู่เขื่อนภูมิพล ในส่วนของอ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้ง 19 แห่ง มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 70 % และอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก มีปริมาณน้ำรวมอยู่ที่ 70 % เพราะฉะนั้นเชื่อมั่นว่า ถ้าปริมาณน้ำท่า ถ้าเทียบกับพายุวิภา ในช่วงที่ผ่านมา จังหวัดเชียงใหม่สามารถรองรับน้ำได้ โดยเฉพาะเขตเมืองเชียงใหม่ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ทางตอนเหนือ คือ อ.ฝาง และ อ.แม่อาย ก็มีการประสานกับทางจังหวัดจัดตั้งศูนย์ฯ แล้วก็บริหารจัดการน้ำ เฝ้าระวังในเรื่องของดินโคลนถล่ม อีกจุดหนึ่งที่น่าเป็นห่วงคือรอยต่อกับจังหวัดแม่ฮ่องสอน ก็ได้มีการประสานกับทางจังหวัดเช่นเดียวกัน เพื่อบริหารจัดการน้ำ

ซึ่งหากเกิดสถานการณ์ขึ้น สำนักงานชลประทานที่ 1 ได้มีการเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำไว้แล้วทั้งหมด 169 หน่วย พร้อมใช้งาน 100 เปอร์เซ็นต์ หากเกิดวิกฤตก็สามารถเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยได้ภายใน 2 ชั่วโมง ส่วนเรื่องการขุดลอกแม่น้ำปิงเป็นของหน่วยทหารพัฒนา ในเขตเมืองเชียงใหม่ดำเนินการไปแล้วคิดเป็น 85 เปอร์เซ็นต์ สามารถรองรับน้ำได้เพิ่มขึ้น แต่ต้องดูการขุดลอกให้เสร็จก่อนถึงจะทราบว่า จะรองรับได้เพิ่มอีกเท่าไหร่.