รองนายกฯและรมว.ทส.”สุชาติ” ยกคณะกระทรวงทรัพย์ฯ ลงพื้นที่เชียงใหม่-เชียงราย รับฟังปัญหาข้อเรียกร้อง กรณีน้ำกกทั้งอุทกภัยและปนเปื้อนสารพิษ รับหนักใจการจะให้ปิดเหมืองในประเทศเพื่อนบ้าน พยายามที่จะหาช่องทางแก้ดีที่สุด
เชียงใหม่ 9 ต.ค.- ที่ศูนย์เผยแพร่ข้อมูลการตรวจคุณภาพน้ำ เชิงสะพานท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมด้วย ปลัดกระทรวงฯ อธิบดีกรมที่เกี่ยวข้องพร้อมคณะจากส่วนกลางและในพืันที่ มาติดตามคืบหน้าและเพื่อรับฟังปัญหาและข้อเรียกร้องกรณีแม่น้ำกกหลากท่วมสร้างความเสียหายและปนเปื้อนมลพิษ จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยมีนายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ หัวหน้าส่วนราชการสังกัด ทส. นายอำเภอแม่อายและผู้แทนหน่วยงานราชการกว่า 100 คน เข้าร่วมให้ข้อมูลพร้อมพบปะผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ตัวแทนภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ภาคธุรกิจต่างๆ ซึ่งแต่ละส่วนได้สรุปข้อมูลปัญหาและข้อเรียกร้องมากกว่า 20 ประเด็น ซึ่งประเด็นหลักที่มีการเรียกร้องคือ ขอให้เร่งประสานฝั่งเมียนมาให้มีการยุติการทำเหมืองที่เป็นข้อสงสัยหลักในต้นเหตุเรื่องสารปนเปื้อน การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบในทุกมิติ การฟื้นฟูแม่น้ำกกให้กลับมามีชีวิตดังเดิม รวมทั้งคัดค้านการให้มีการสร้างฝายดักตะกอน เนื่องจากมีความกังวลที่อาจมีสารพิษตกค้างในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งนายสุชาติ รับปากในบางประเด็นที่จะดำเนินการให้โดยเฉพาะเรื่องเงินเยียวยาที่ยังอยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี ส่วนเรื่องฝายดักตะกอน ยังไม่ได้สรุปให้มีการก่อสร้างและหากมีการก่อสร้างจริงในส่วนของกรมควบคุมมลพิษจะต้องมาสอบถามทำประชาพิจารณ์ในพื้นที่ก่อน ส่วนปัญหาที่ยังเป็นหนักใจคือ การทำเหมืองในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน จะต้องศึกษาให้รอบด้านในการดำเนินการว่าจะมีทางออกอย่างไรได้บ้าง ซึ่งจะได้มีการประเมินสถานการณ์ข้อมูลทั้งหมดร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องเพื่อกำหนดทิศทางต่อไปและข้อมูลวันนี้ก็จะได้นำเข้าหารือในที่ประชุมที่จังหวัดเชียงรายอันเดียวกันนี้ด้วย
ด้าน นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า บริเวณน้ำกก ต.ท่าตอน อ.แม่อาย ห่างจากประเทศเพื่อนบ้านประมาณ 4 กม. ซึ่งเป็นต้นน้ำแม่กก ได้ไหลผ่านพื้นที่ จ.เชียงใหม่ 25 กม. ในพื้นที่ 2 ตำบล 11 หมู่บ้านรวมกว่า 5 พันครัวเรือน ประชากรที่เกี่ยวข้องกับแม่น้ำกกกว่า 14,000 คน ก่อนจะไหลเข้าสู่พื้นที่ จ.เชียงราย เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาแม่น้ำกกมีสภาพขุ่น ทำให้มีการสงสัยว่าค่ามาตรฐานของคุณภาพน้ำเป็นอย่างไร ทางจังหวัดได้ประสานสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่มาตรวจสอบคุณภาพน้ำ ซึ่งได้ดำเนินการ 8 ครั้ง ปรากฏว่า พบโลหะหนัก สารหนูเกินเกณฑ์มาตรฐาน ทั้ง 8 ครั้ง ซึ่งการตรวจครั้งที่ 9 -12 ก็ยังพบสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก อยู่แต่ไม่เกินเกณฑ์มาตรฐาน เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขตรวจแหล่งน้ำที่ประชาชนใช้อุปโภคบริโภคในบริเวณข้างเคียงหลายตัวอย่าง เก็บตัวอย่างไป 5 ครั้ง ผลปรากฏว่า คุณภาพน้ำไม่เกินเกณฑ์มาตรฐานทั้งสารหนู สารปรอท สารแคทเมี่ยม
ต่อมาได้มีการตรวจสุ่มตรวจสุขภาพของประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้กับแม่น้ำกก รวม 5 ครั้ง ซึ่งผลออกมาพบว่า ไม่เกินเกณฑ์มาตรฐาน มีการตรวจปลาในแม่น้ำ ตรวจปลา 7 ชนิด 11 ครั้ง ผลออกมาไม่เกินเกณฑ์มาตรฐานสำหรับใช่ในการบริโภคเช่นกัน
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่เกษตรจังหวัดเชียงใหมาได้มาตรวจพืชผักผลไม้บริเวณใกล้เคียงในห้องแล็ป ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุดได้รวบรวมไว้และสรุปช่วงต้นปีได้พบค่า เกินเกณฑ์มาตรฐานจริง หลังจากนั้นทางรัฐบาลได้มีการประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้านให้ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารจนทำให้มีการเคลื่อนไหวของประชาชนอย่างเข้มข้น จนทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ว่าจะดีขึ้นจากปัจจัยหรืออาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้มีฝนตกลงมามาก หรือต้นเหตุของการปล่อยมลพิษ ที่มีการควบคุมดีขึ้นหรือไม่อย่างไรยังไม่มีการยืนยันได้ชัดเจน ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการตั้งคณะกรรมการร่วมทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคนักวิชาการและประชาชนที่จะเข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลและมีการจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังในการเก็บตัวอย่างคุณภาพน้ำ ปลา พืชผักผลไม้ ตรวจสุขภาพประชาชนรวมไปจนถึงแหล่งน้ำที่ประชาชนให้อุปโภคบริโภคทุกเดือน ถ้าจำเป็นต้องมีการเพิ่มการตรวจก็จะได้มีการสั่งการให้ตรวจสอบบ่อยขึ้น เพื่อจะได้เฝ้าระวังและแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนได้อย่างแม่นยำ เพื่อจะได้หาวิธีการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามช่วงที่เกิดสถานการณ์ใหม่ ทาง ปภ.จังหวัดเชียงใหม่ กรมทรัพยากรน้ำ ได้นำรถโมบายผลิตน้ำสะอาดมาแจกจ่ายให้กับประชาชนตามชุมชนเพื่อบรรเทาผลกระทบจนสถานการณ์ดีขึ้น แต่หากพบว่า ค่าแม่น้ำกก เกินมาตรฐานอีกก็จะมีการประสานนำรถผลิตน้ำสะอาดมาอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากรับทราบข้อมูลรับข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆและภาคประชาชนคณะของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็ได้ออกเดินทางตรวจดูสภาพปัญหาในแต่ละจุดก่อนเดินทางไปประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จังหวัดเชียงรายตามกำหนด.