สภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ขานรับการเปลี่ยนแปลงของโลก เดินหน้าสร้างเครือข่ายความรู้พลังงาน เตรียมพร้อมสู่ Energy Transition กระตุ้นทุกภาคส่วนปรับตัวรับมือลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม สู่เป้าหมาย Net Zero Emission ในปี 2065
เชียงใหม่ 14 พ.ย. – ที่ รร.เชียงใหม่แกรนด์วิว อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับเครือข่ายจัดเวทีสัมมนาสัมมนาเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจด้านพลังงานสะอาดภายใต้โครงการสร้างเครือข่ายความรู้พลังงาน เตรียมพร้อมสู่ Energy Transition โดย สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน พ.ศ. 2567 โดยมีนายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธาน ทั้งนี้ได้กล่าวว่า ปัจจุบันทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยกำลังให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้พลังงานสะอาด เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและชะลอการเกิดปัญหาโลกเดือด ซึ่งประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุ Carbon Neutrality ในปี ค.ศ. 2050 และ Net Zero Emission ในปี ค.ศ. 2065 หรือสรุปง่ายๆ คือ เราต้องเร่งปรับตัวไปสู่การใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น เร็วขึ้น จึงเป็นที่มาของการจัดงานสัมมนาในวันนี้ เพื่อเผยแพร่ความรู้ให้พวกเราทุกคนได้เข้าใจ ปรับตัวและเตรียมความพร้อมล่วงหน้าได้ เรื่องพลังงานถือเป็นเรื่องใกล้ตัว ตัวอย่างเช่นค่าไฟฟ้าที่เป็นต้นทุนของทุกคน ซึ่งที่ผ่านมาบางส่วนให้ความสำคัญสูงกับการติดตามสถานการณ์และบริหารต้นทุนด้านพลังงานอยู่ตลอดเวลา เพื่อดำเนินธุรกิจให้อยู่รอดในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน แต่เข้าใจว่าส่วนใหญ่มักจะตื่นตัวกับเรื่องพลังงานเฉพาะในช่วงที่ค่าไฟฟ้าแพงขึ้น แต่พอราคาค่าไฟฟ้าลดลง หลายคนก็กลับไปใช้ชีวิตปกติและเลิกสนใจหรือติดตามเรื่องพลังงาน ทั้งๆ ที่เรื่องพลังงานมีความผันผวนเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทั้งจากปัจจัยภายในประเทศ เช่น นโยบายพลังงาน, การบริหารจัดหาเชื้อเพลิง, การส่งเสริมและสนับสนุนต่างๆ ฯลฯ และปัจจัยภายนอกประเทศ เช่น ราคานำเข้าพลังงาน, มาตรการด้านสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ซึ่งมีส่วนผลักดันให้ประเทศไทยมุ่งสู่การใช้พลังงานสะอาดมากขึ้นและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วขึ้น ดังนั้นหากทุกคนหันมาให้ความสนใจและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจะมีส่วนช่วยให้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานได้ดีขึ้นและปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านด้วยเช่นกัน รวมถึงสามารถเสนอความคิดเห็นไปยังภาครัฐ เพื่อปรับแนวทาง หรือนโยบายด้านพลังงานให้สอดคล้องกับทุกภาคส่วนได้ต่อไป
ขณะที่นายจักริน วังวิวัฒน์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมจากทั่วโลกที่ผลักดันให้ไทยต้องปรับตัวไปสู่การใช้พลังงานสะอาด จึงกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงความสำคัญที่จะสอดรับกับเป้าหมายของประเทศไทยสู่นโยบาย Net Zero ในปี 2050 ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันที่จะขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจก และนำพาอุตสาหกรรมไทย เปลี่ยนผ่านสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เวทีครั้งนี้ย้ำให้เห็นถึงความสำคัญในการเผยแพร่ความรู้ด้านพลังงานสะอาด เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจและเสนอแนวทางการเตรียมความพร้อม ให้ทุกภาคส่วนสามารถปรับตัวกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง สิ่งที่ผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้รับความรู้ในวันนี้คือเรื่อง โครงสร้างกิจการไฟฟ้าของประเทศไทย เทคโนโลยีและแผนงานในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานของประเทศ ที่จะทำหน้าที่รองรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ รวมถึงเรื่องการซื้อขายพลังงาน การให้บริการด้านพลังงาน ผ่านระบบโครงการขายไฟฟ้าที่เปิดกว้างมากขึ้นในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือกลไกที่เกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อนที่เป็นเรื่องใกล้ตัวทุกคนมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อไปยังความสามารถในการแข่งขันและค่าครองชีพในอนาคตเมื่อทั่วโลกกำลังมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกันในการลดภาวะโลกร้อน ส่งผลให้ทุกภาคส่วนเกิดการปรับตัวไปสู่การใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น ดังนั้นหากทุกคนหันมาให้ความสนใจและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจะมีส่วนช่วยให้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานได้ดีขึ้นและปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันภาครัฐต้องเร่งออกมาตรการสนับสนุนที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้ภาคธุรกิจและครัวเรือนปรับพฤติกรรมสู่เส้นทางลดคาร์บอนอย่างยั่งยืนต่อไป.









