มภ.3 เปิดเวทีถอดบทเรียนไฟป่า 17 จังหวัดภาคเหนือ สถานการณ์ดีกว่าปีก่อนทั้ง hotspot, pm2.5 เป็นแนวทางสานต่อปีต่อไป ยอมรับยังติดปัญหาการสื่อสารประสานงานระยะแรก ย้ำปรับแก้และยึดบริหารจัดการเป็นเอกภาพ
เชียงใหม่ 5 มิ.ย.- ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า จัดการประชุมสรุปผลปฏิบัติการไฟป่า-ฝุ่นควัน 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยมีพลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 และศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการถอดบทเรียนหลังการปฏิบัติงานการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ หรือ After Action Review (AAR) ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้าจัดขึ้นเพื่อรวบรวมบทเรียนจากการปฏิบัติงานจริงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดฤดูกาลเกิดเหตุไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการบูรณาการแผนงานและทรัพยากร ทำให้ภาพรวมสถานการณ์ในปีนี้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ ผลการดำเนินงานพบว่า ข้อมูลจุดความร้อนในพื้นที่ภาคเหนือ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึง 31 พฤษภาคม 2568 ตรวจพบ จุดความร้อน 55,989 จุด เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2567 ในห้วงเวลาเวลากัน 79,842 จุด ลดลง 23,853 จุด หรือ ร้อยละ 29.88 สูงสุดที่ จ.แม่ฮ่องสอน 8,586 จุด และต่ำสุดที่ จ.พิษณุโลก 886 จุด ซึ่งสะสมสูงสุดอยู่ในเดือนมีนาคม 31,760 จุด
เมื่อนำแยกตามพื้นที่การใช้งานสูงสุด คือ ป่าอนุรักษ์ 23,227 จุด, เขตป่าสงวนฯ 22,372 จุด, การเกษตร 7,120 จุด, เขต สปก. 3,489 จุด, ชุมชนและอื่นๆ 1,978 จุด และริมทางหลวง 238 จุด ตามลำดับ เมื่อแยกตามพื้นที่ตามการใช้ที่ดิน สูงสุดในป่า 44,319 จุด, รองลงมานาข้าว 4,678 จุด, ข้าวโพดและไร่หมุนเวียน 4,021 จุด
สถานการณ์ด้านพื้นที่เผาไหม้ ข้อมูลดาวเทียมพบเกิดพื้นที่เผาไหม้ 11,317,500 ไร่ เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาพบว่า เพิ่มขึ้น 988,142 ไร่ หรือ ร้อยละ 8.73 สูงสุด เดือนมีนาคม 4,004,929 ไร่ รองลงมา คือ เดือนกุมภาพันธ์ 2,818,060 ไร่ โดยมี 10 จังหวัดที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และ 7 จังหวัดที่มีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนใหญ่อยู่ในป่าอนุรักษ์ 3,802,241 ไร่ รองลงมาคือ ป่าสงวนฯ 3,699,612 ไร่ และพื้นที่เกษตร 2,114,362 ไร่
ส่วนสถานการณ์ด้านฝุ่นละอองขนาดเล็กจำนวนวันที่ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินเกณฑ์มาตรฐาน จำนวน 118 วัน เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับปี 2567 ลดลงร้อยละ 7.64 จุดความร้อนในพื้นที่ลดลงร้อยละ 28.61 คุณภาพอากาศดีขึ้นร้อยละ 18.58 ถือเป็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจจากความร่วมมืออย่างเต็มที่ของทุกหน่วยงาน
อย่างไรก็ตามในปีนี้ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้าได้จัดทำแบบสอบถามเพื่อประเมินความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน ของชุดรณรงค์สร้างการรับรู้ลาดตระเวน และ ดับไฟป่า ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยมีการสำรวจจากหน่วยงานบูรณาร่วมและประชาชนในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 2,171 คน พบว่า
ด้านกระบวนการปฏิบัติงาน อยู่ในระดับ ร้อยละ 95.07 ด้านเจ้าหน้าที่ / กำลังพล อยู่ในระดับ ร้อยละ 96.05 ความเหมาะสมต่อการปฏิบัติงาน อยู่ในระดับ ร้อยละ 95.39 ความพึงพอใจอยู่ในระดับ ร้อยละ 95.95
มภ.3 กล่าวด้วยว่า ที่สำคัญในปีนี้ยังมีเจ้าหน้าที่บางรายที่ได้รับอันตรายขณะปฏิบัติงานดับไฟป่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า จึงเตรียมนำบทเรียนที่ได้ไปพัฒนามาตรการความปลอดภัยให้เข้มข้นยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันการสูญเสียในอนาคตและเตรียมความพร้อมรับมือฤดูไฟป่าครั้งต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แต่ยอมรับว่า แนวทางจัดการปีนี้ดีขึ้นมาก็โดยเฉพาะการใช้กำลังพลและอากาศยานเข้ามาสนับสนุน ถือเป็นแนวทางที่ดีที่จะสานต่อในปีต่อไป แม้ระยะแรกจะเกิดปัญหาการสื่อสารประสานงานบ้าง ก็ต้องปรับแก้และใช้ระบบบริหารจัดการที่เป็นเอกภาพ Single Command จากผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดจะมีประสิทธิภาพที่ดี รวมทั้งการมีส่วนร่วมของประชาชนด้วย ทั้งนี้ผลสำเร็จในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมมือกันอย่างจริงจัง