เชียงใหม่ ย้ำ!! ช่วงยี่เป็ง ปล่อยโคมลอยได้เฉพาะพื้นที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น และต้องเป็นโคมที่ได้มาตรฐาน ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ ล่าสุดแห่ขออนุญาตแล้ว 8 อำเภอ โคมลอยกว่า 4 หมื่นดวง
เชียงใหม่ 18 ต.ค. – ที่ห้องปฏิบัติการ POC ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานประชุมชี้แจงมาตรการเพื่อความปลอดภัยในการปล่อยโคมลอยในช่วงประเพณียี่เป็ง(ลอยกระทง)เชียงใหม่ ประจำปี 2566 โดย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ นายอำเภอ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมโดยพร้อมกัน สำหรับปีนี้จังหวัดเชียงใหม่ได้กำหนดวันและเวลาปล่อยโคม รวมถึงลักษณะของโคมและพื้นที่ปล่อยโคมอย่างชัดเจน โดยสามาถทำการปล่อยโคมได้เพียง 2 วันเท่านั้น คือ วันที่ 27 และ 28 พฤศจิกายน 2566 โดยในวันที่ 27 พฤศจิกายน เป็นวันลอยกระทงเล็ก จะอนุญาตให้ปล่อยโคมควันหรือว่าวฮมได้เฉพาะเวลา 10.00-12.00 น. ส่วนโคมลอยและโคมไฟ อนุญาตให้ปล่อยได้เฉพาะเวลา 19.00-01.00 น. ส่วนในวันที่ 28 พฤศจิกายน เป็นวันแห่ขบวนกระทงใหญ่ กำหนดให้ปล่อยโคมลอยและโคมไฟได้เฉพาะเวลา 19.00-01.00 น. แต่ไม่อนุญาตให้ปล่อยโคมควันหรือว่าวฮม โดยเน้นย้ำว่า ต้องปล่อยในพื้นที่ที่มีการขออนุญาตแล้วเท่านั้น
จังหวัดเชียงใหม่ได้กำหนดพื้นที่ห้ามจุดและปล่อยโคมโดยเด็ดขาดใน 6 อำเภอ 39 ตำบล ประกอบด้วย อำเภอเมืองและอำเภอหางดง ทุกตำบล , อำเภอสารภี ในพื้นที่ตำบลขัวมุง ตำบลดอนแก้ว ตำบลสันทราย ตำบลท่าวังตาล และตำบลหนองผึ้ง, อำเภอสันทราย พื้นที่ตำบลหนองหาร, อำเภอแม่ริม พื้นที่ตำบลดอนแก้ว ตำบลเหมืองแก้ว ตำบลริมใต้ ตำบลแม่สา ตำบลริมเหนือและอำเภอสันป่าตอง พื้นที่ตำบลทุ่งเสี้ยว ทั้งนี้เนื่องจากเป็นพื้นที่ชุมชนและอยู่ในรัศมีของการขึ้นลงของเครื่องบิน
สำหรับอำเภอและตำบลอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือพื้นที่ห้ามเด็ดขาด หากสถานที่ใดจะจัดให้มีการจุดและปล่อยโคมลอย จะต้องยื่นอนุญาตต่อนายอำเภอก่อนไม่น้อยกว่า 30 วัน หรือก่อนวันที่ 28 ตุลาคม 2566 โดยจะต้องทำสัญลักษณ์หรือสี เพื่อให้สะดวกในการติดตามหากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น พร้อมทั้งทำบันทึกข้อตกลงแสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหายและเตรียมแผนรักษาความปลอดภัยรองรับอย่างชัดเจน ซึ่งจังหวัดจะสุ่มออกตรวจผู้ผลิตพร้อมกับทางอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ขอให้เพิ่มความระมัดระวังในรัศมี 500 เมตรจากจุดปล่อยโคม ทางจังหวัดยืนยันไม่ได้ห้ามไม่ให้นายอำเภออนุญาต แต่การอนุญาตจะต้องอยู่ภายใต้ความคาดหวังของประชาชนที่ต้องการให้รัฐดูแลเรื่องความปลอดภัย ต้องการให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันได้ขณะนี้ยังไม่มีอำเภอไหนขออนุญาตปล่อยโคมควันหรือโคมขนาดใหญ่ แต่ก็ขอย้ำว่าหากตรวจสอบพบว่า มีการลักลอบปล่อยก็จะมีความผิดและถูกดำเนินคดี แต่หากอยากปล่อยให้ยื่นขออนุญาตมา เพราะยังสามารถยื่นขออนุญาตได้ถึงวันที่ 27 ต.ค.นี้ เท่าที่รับฟังผู้ประกอบการจัดงานบอกว่า จะเป็นผู้จัดเตรียมโคมและไม่อนุญาตให้นำโคมมาเองหรือจากที่อื่นมา แต่หากมีการนำโคมลอยที่ไม่ได้มาตรฐานมาปล่อยและเกิดปัญหา ทางบริษัททัวร์จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
ขณะที่นางสาวสุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานเชียงใหม่ กล่าวว่า ภาคการท่องเที่ยวขอให้เน้นเรื่องความปลอดภัย ตลอดจนความคุ้มค่าของเงินที่นักท่องเที่ยวจ่าย เพราะมีการขายแพ็คเกจนี้ให้กับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องการบริหารจัดการเรื่องขยะ รักษาสิ่งแวดล้อมต้องทำให้มีประสิทธิภาพ นักท่องเที่ยวคงไม่อยากมาซ้ำหากมีเรื่องดราม่าเกิดขึ้นและสุดท้ายคือขอให้ดูแลวามปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามา มีการให้คำแนะนำต่างๆ รวมถึงวิธีการปล่อยโคมด้วยก่อนเป็นปัญหา โดยขณะนี้ฝ่ายปกครองสรุปว่า มีอำเภอที่ขออนุญาตปล่อยโคมแล้ว 8 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอแม่แตง สันทราย แม่ออน ดอยหล่อ ดอยสะเก็ด แม่ริม สันป่าตอง และสันกำแพง ทั้งนี้มีผู้ยื่นขออนุญาตและได้รับอนุญาตให้ปล่อยโคมลอยในระหว่างวันที่ 27-28 พ.ย.66 แล้วจำนวน12 รายใน 8 อำเภอ 40,100 ดวง ประกอบด้วยอำเภอแม่แตง วันที่ 27-28 ปล่อยวันละ 1,000 ดวง บ้านห้วยไร่หมู่ 9 ตำบลขี้เหล็ก อ.สันทรายปล่อยวันละ 2,000 ดวงที่สนามฟุตบอลสนามกอล์ฟรอยัลเชียงใหม่กอล์ฟคลับและอีกจุดปล่อยวันที่ 27 พ.ย. 4,000 ดวงที่ธุดงคล้านนาหมู่ 8 ต.หนองหาร อ.แม่ออน 6 พันดวงพื้นที่ ม.2 ต.บ้านสหกรณ์ อีกจุด ม.9 อ.ดอยหล่อ 2 พันที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมดอยหล่อ อ.ดอยสะเก็ดที่หนองบัวพระเจ้าหลวง 10,000 ดวง ที่โรงแรมฮอไรซันวิลเลจและสวนทวีชล 500 ดวง อ.แม่ริมที่วัดเปิงฟ้าป่าอ้อย 10,000 ดวง อ.สันป่าตอง 3,000 ดวง ที่ ม.7 ต.น้ำบ่อหลวงและ อ.สันกำแพง 1,600 ดวงที่เชียงใหม่ อาร์ต มิวเซียมสันกำแพง ม.10 ต.ร้องวัวแดง และอยู่ระหว่างการขออนุญาตเพิ่มเติมที่ อ.จอมทองกับ อ.สันป่าตอง โดยมีจำนวนโคมลอยที่ขออนุญาตปล่อยได้แล้วตอนนี้รวมทั้งสิ้น 40,100 ดวง
นอกจากนี้โคมลอยที่จะปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้าได้นั้นจะต้องเป็นโคมลอยที่ถูกต้องตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.)808/2552 ของกระทรวงอุตสาหกรรม จะต้องมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 90 เซนติเมตร สูงไม่เกิน 140 เซนติเมตร ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ ใช้กระดาษว่าวชนิดบาง มีปริมาณเชื้อเพลิงไม่เกิน 55 กรัม ใช้เวลาในการเผาไหม้ไม่เกิน 8 นาที ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะสมกับระยะเวลาที่โคมลอยอยู่ในอากาศและส่วนที่เป็นเชื้อเพลิงต้องยึดติดกับเชือกทนไฟหรือลวดอ่อน พร้อมระบุชื่อผู้ผลิต สถานที่ผลิตและคำเตือนติดกับตัวโคมลอยด้วย ที่สำคัญคือ ห้ามผูกพลุ ดอกไม้ไฟ ประทัดไปกับโคมในขณะปล่อยเด็ดขาด
ทั้งนี้ผู้ที่ฝ่าฝืนการจุดและปล่อยโคมลอยโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งหากปล่อยโคมทำให้เกิดเพลิงไหม้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ