หนุน สสส.เดินหน้าขันน็อตแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า ยาเสพติดเตรียมเสนอครม.ยกเครื่องกฎหมาย ตั้งทีมปราบขึ้นตรงนายกรัฐมนตรี

“รองนายกฯ โสภณ” นั่งหัวโต๊ะถกหนุน สสส. ขยายผล “ชุมชนล้อมรักษ์” เล็งยกเครื่องกฎหมายยาเสพติด-บุหรี่ไฟฟ้า เสนอ ครม. ตั้ง คกก.ปราบ ให้รายงานตรงนายกฯ ลดข้อจำกัดทางกฎหมาย องค์กรภาคีหนุนเต็มที่

เชียงใหม่ 19 พ.ย.- ภาคีเครือข่ายเฝ้าระวังภัยทางสังคมหลายองค์กรในภาคเหนือทั้งด้านยาเสพติด บุหรี่ไฟฟ้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พนันออนไลน์และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ต่างกำลังเฝ้าติดตามนโยบายภาครัฐต่อการเพิ่มความเข้มข้นในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวและเห็นพ้องสนับสนุนรัฐเอาจริงแก้ปัญหาโดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าที่เข้าถึงเยางชนได้ง่ายทั่งที่ผิดกฎหมาย หลังล่าสุดทราบข้อมูลว่า รัฐบาลเริ่มให้ความสนใจปัญหาดังกล่าว จากที่นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวในการประชุมกรรมการกองทุนฯ ครั้งที่ 9/2568 ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการต่อสู้ปัญหายาเสพติดที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งต้องอาศัยพลังจากทุกภาคส่วน โดยได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) 16 หน่วยงาน เพื่อเสริมกลไกทำงานด้านป้องกัน บำบัดรักษา ฟื้นฟู ติดตามช่วยเหลือผู้ติดยาเสพติด ในระยะเวลา 1 ปี ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมลดจำนวนผู้เสพและผู้ป่วย ในส่วน สสส. มีการดำเนินงานร่วมกับภาคประชาสังคมอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะการพัฒนาศักยภาพพลังอำเภอสู่การเป็นต้นแบบและขยายผลขับเคลื่อนชุมชนล้อมรักษ์ (CBTx) เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในระดับพื้นที่นั้น อยากนำต้นแบบที่ทำได้ดีไปขยายผลให้กระจายไปในพื้นที่มากขึ้น สำหรับการแก้ไขปัญหายาเสพติดในภาพรวมตนจะแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในด้านยาเสพติดทั้งหมด

“สำหรับประเด็นบุหรี่ไฟฟ้าที่ระบาดหนักในกลุ่มเด็กและเยาวชน การลงโทษผู้กระทำผิดต้องอาศัยกฎหมายหลายฉบับและอยู่ภายใต้อำนาจของหลายหน่วยงาน ทำให้เกิดช่องว่างของการบังคับใช้กฎหมาย ดังนั้น ในระยะสั้นนี้เพื่อลดข้อจำกัดการบังคับใช้กฎหมาย ได้เห็นชอบตามที่มีการเสนอให้มีระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีที่ให้มีคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการควบคุมและบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมทำหน้าที่กำหนดนโยบาย มาตรการ และแนวทางปฏิบัติในการป้องกันและปราบปราม บูรณาการเพิ่มขีดความสามารถการบังคับใช้กฎหมาย ติดตาม ประเมินผลการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า และรายงานตรงต่อคณะรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง โดยจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป และหากพบว่า กฎหมายที่มีอยู่ไม่สามารถเอาผิดผู้กระทำผิดได้ทั้งผู้ผลิต ลักลอบ นำเข้า และจำหน่าย จะเสนอคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงข้อกฎหมายเช่นเดียวกับยาเสพติด” นายโสภณ กล่าวย้ำที่ประชุม

ขณะที่ นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข ปี 2567 พบว่า ผู้ใช้และเสพยาเสพติดในประเทศไทย มีประมาณ 1.9 ล้านคน และ 1.4 ล้านคน เป็นผู้ใช้ยาที่ไม่มีอาการ สสส. ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการสร้างเสริมสุขภาพเพื่อลดผลกระทบจากปัญหาสารเสพติด เพื่อคืนคุณภาพชีวิตให้แก่สังคม โดยเป็น 1 ใน 16 หน่วยงานที่ร่วมลงนาม MOU เพื่อสนับสนุนพัฒนาพื้นที่ต้นแบบปลอดปัจจัยเสี่ยง ใช้ชุมชนเป็นฐาน ประชาชนเป็นศูนย์กลาง เช่น สร้างเครือข่ายภาคประชาชนโดยใช้กลไกชุมชนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด 5 ภูมิภาค ขยายผลในการขับเคลื่อนชุมชนล้อมรักษ์ ลดผู้เสพรายใหม่ เพิ่มการเข้าถึงบริการบำบัด/ช่วยเหลือ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยจิตเวชที่มีความเสี่ยงสูง ผ่านกลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตในระดับอำเภอ (พชอ.) นอกจากนี้สนับสนุนและเสริมพลังเครือข่ายภาคประชาชนสร้างพื้นที่ปลอดภัยจากปัญหายาเสพติดและเสริมสร้างชุมชนสุขภาวะ พร้อมสนับสนุนองค์ความรู้ นวัตกรรม ระบบข้อมูลและการสื่อสารสาธารณะอย่างต่อเนื่อง สสส. ยินดีที่เป็นหน่วยงานหนึ่งที่จะสนับสนุนรัฐบาลในการดำเนินการจัดการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้หมดสิ้นไป โดยเฉพาะในด้านการมีส่วนร่วมของชุมชนและการพัฒนาองค์ความ
รู้.