กล้องโทรทรรศน์วิทยุแห่งชาติ (TNRT) ตรวจพบสัญญาณคลื่นวิทยุ จากอนุมูลอิสระ OH ในดาวหางคาบ 71 ปี 12P/Pons-Brooks
เชียงใหม่ 14 พ.ย.- สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์กรมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยผลการศึกษาแรกด้วยกล้องโทรทรรศน์วิทยุแห่งชาติ ขนาด 40 เมตร ของหอสังเกตการณ์ดาราศาสตร์วิทยุแห่งชาติ พบสัญญาณคลื่นวิทยุจากอนุมูลอิสระไฮดรอกซิล(OH) ในดาวหางคาบ 71 ปี 12P/Pons-Brooks นับเป็นหมุดหมายสำคัญของวงการดาราศาสตร์วิทยุในไทย งานวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร The Planetary Science Journal ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568
ทั้งนี้ ดาวหาง ประกอบด้วยน้ำแข็งและอนุภาคฝุ่นขนาดเล็ก เมื่อเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ พลังงานความร้อนจะทำให้เกิด “โคม่า” หรือชั้นบรรยากาศรอบนิวเคลียสดาวหาง รวมถึงหางฝุ่นและหางพลาสมา เนื่องจากดาวหางส่วนใหญ่คงสภาพเดิมมาตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของระบบสุริยะเมื่อราว 4,600 ล้านปีก่อน การศึกษาดาวหางจึงมีความสำคัญต่อการทำความเข้าใจต้นกำเนิดของระบบสุริยะและโลกของเรา
สำหรับดาวหางคาบสั้น 12P/Pons-Brooks นั้น โคจรใกล้ดวงอาทิตย์ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2507 และกลับมาอีกครั้งเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2567 หลังห่างหายไปกว่า 70 ปี นักวิจัยกลุ่มดาราศาสตร์วิทยุ สดร.ใช้เครื่องรับสัญญาณย่าน L บนกล้องโทรทรรศน์วิทยุแห่งชาติ (Thai National Radio Telescope: TNRT) ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 เมตร สังเกตการณ์ดาวหางเมื่อวันที่ 22, 27 และ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567 ผลการสังเกตพบสัญญาณคลื่นวิทยุจากอนุมูลอิสระ OH ในชั้นโคม่าของดาวหาง ซึ่งสามารถใช้ประเมินปริมาณแก๊สที่ดาวหางปลดปล่อยออกมาเมื่อเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ หรือที่เรียกว่า “การระเหิดของดาวหาง” (outgassing activity) ได้ผลการศึกษายังพบอีกว่าอัตราการผลิตแก๊ส OH เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อดาวหางเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด
ดร.โนบุยูกิ ซาไก (Nobuyuki Sakai) ผู้เขียนหลักของงานวิจัยกล่าวว่า ผลลัพธ์ที่ได้จากกล้องโทรทรรศน์วิทยุแห่งชาตินั้น สอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้านี้จากดาวหางดวงอื่น ๆ โดยสำหรับดาวหาง 12P/Pons-Brooks มีรายงานการเปลี่ยนแปลงความสว่างทางแสงอย่างรวดเร็ว (หรือที่เรียกว่า optical outburst) หากในอนาคตเราสามารถใช้กล้องโทรทรรศน์วิทยุแห่งชาติเพื่อสังเกตดาวหางดวงอื่น ๆ ได้มากขึ้น เราอาจจะสามารถเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างการระเบิดทางแสงเหล่านี้กับอัตราการผลิตแก๊ส OH ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
ทั้งนี้กล้องโทรทรรศน์วิทยุแห่งชาติ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 เมตร เป็นส่วนหนึ่งของหอสังเกตการณ์ดาราศาสตร์วิทยุแห่งชาติ ตั้งอยู่ภายในศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ นับเป็นโครงการระดับชาติที่มุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยีและบุคลากรด้านดาราศาสตร์วิทยุและยีออเดซี โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากสถาบันมักซ์พลังค์เพื่อดาราศาสตร์วิทยุ (Max-Planck-Institut für Radioastronomie) ประเทศเยอรมนี ในการพัฒนาเครื่องรับสัญญาณย่าน L และ K รวมถึงระบบประมวลผล Universal Software Backend (USB) ด้วยเทคโนโลยี Effelsberg Direct Digitization (EDD) รวมถึงความร่วมมือกับหอดูดาวเยเบส (Yebes Observatory, IGN) ประเทศสเปน ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ควบคุมกล้องโทรทรรศน์ด้วยเทคโนโลยีมาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในหอดูดาวระดับโลก เช่น หอดูดาว ALMA ประเทศชิลี
นอกจากนี้ ยังได้แต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านเทคนิคระดับนานาชาติของหอสังเกตการณ์วิทยุแห่งชาติ ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานชั้นนำด้านดาราศาสตร์วิทยุประเทศต่าง ๆ ได้แก่ NAOJ ญี่ปุ่น CSIRO ออสเตรเลีย SHAO จีน NCRA-TIFR อินเดีย MPIfR เยอรมัน KASI เกาหลีใต้ IGN สเปน และ JIV-ERIC เนเธอร์แลนด์และ JBCA, the University of Manchester สหราชอาณาจักร เป็นต้น ร่วมติดตามการดำเนินงานให้คำแนะนำข้อเสนอแนะด้านเทคนิคและการวางแผนและบริหารจัดการหอสังเกตการณ์ดาราศาสตร์วิทยุแห่งชาติ รวมถึงให้คำปรึกษาในบทบาทของหอสังเกตการณ์ดาราศาสตร์วิทยุแห่งชาติไทยในเครือข่ายความร่วมมือระดับนานาชาติด้วย
การค้นพบครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าของกล้องโทรทรรศน์วิทยุแห่งชาติในฐานะอุปกรณ์ทางดาราศาสตร์ระดับเรือธงของประเทศไทย พร้อมเปิดโอกาสให้นักดาราศาสตร์ไทยได้มีส่วนร่วมในงานวิจัยระดับนานาชาติและเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเสริมสร้างศักยภาพด้านดาราศาสตร์วิทยุในไทย ภายใต้การดำเนินงานของหอสังเกตการณ์ดาราศาสตร์วิทยุแห่งชาติ ซึ่งรวมถึงการติดตั้งกล้องโทรทรรศน์วิทยุประเภทวีกอสขนาด 13 เมตร และการเชื่อมโยงเครือข่ายกับกล้องโทรทรรศน์วิทยุชั้นนำทั่วโลก ทั้งใน เยอรมนี จีน ญี่ปุ่น และประเทศอื่น ๆ เพื่อร่วมผลักดันองค์ความรู้ใหม่ของจักรวาลให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น.




