มภ.3 นำทีม นบ.ยส.35 ผนึกกำลังทุกภาคส่วน วางแผนขับเคลื่อนปฏิบัติการ ตัดวงจรขบวนการค้ายาเสพติด เร่งกดดันพื้นที่เสี่ยงแนวชายแดนไม่ให้ทะลักเข้าสู่พื้นที่ตอนในสายร่วมภารกิจตัดวงจรอาชญากรรมข้ามชาติ เผยปีงบ’69 เดือนกว่ายาบ้าทะลุ 70 ล้านเม็ดมากกว่าปี’68 เกิน 140%
เชียงใหม่ 20 พ.ย.- ที่โรงแรมกรีนเลครีสอร์ท จ.เชียงใหม่ พลโท วรเทพ บุญญะ แม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ(นบ.ยส.35) ร่วมประชุมขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ 2569 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายปกครอง 6 จังหวัดชายแดนภาคเหนือ พิกัด 25 อำเภอเสี่ยงหลัก ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา น่านและตาก สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5, ตำรวจภูธรภาค 5, ตำรวจปราบปรามยาเสพติด, หน่วยทหารสังกัดกองทัพภาคที่ 3 และกองกำลังป้องกันชายแดน เพื่อยกระดับการข่าวให้เข้มข้นขึ้น มุ่งสืบเสาะแหล่งผลิตเพื่อประสานความร่วมมือระหว่างประเทศในการทำลายฐานการผลิต ตัดเส้นทางขยายผลจับกุมถึงผู้ค้ารายใหญ่ และยึดอายัดทรัพย์สินเพื่อทำลายโครงสร้างเครือข่ายอย่างเป็นระบบ ควบคู่การสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนชายแดนผ่านชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน เพื่อเป็นหูเป็นตาและแจ้งเตือนความเคลื่อนไหวผิดปกติ
โดยแม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า แผนปฏิบัติการในปี 2569 ได้ยกระดับยุทธการให้เข้มข้นกว่าปีที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ยาเสพติดที่มีความซับซ้อนและวิธีลักลอบที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น โดรน ระบบตรวจจับกลางคืน ระบบ X- ray ตรวจสอบโทรศัพท์และกล้องเฝ้าระวังในจุดเสี่ยง มาเสริมศักยภาพการควบคุมพื้นที่ ทำให้การตรวจตราและตอบสนองสถานการณ์ทำได้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น พร้อมออกแบบให้ดำเนินการครบวงจร ตั้งแต่การสกัดกั้นตามแนวชายแดน การขยายผลเข้าถึงเครือข่ายตอนในและการเสริมบทบาทชุมชนผ่านเครือข่ายแจ้งเตือน รวมถึงการสร้างหมู่บ้านปลอดภัย โดยมุ่งเน้นสามประเด็นสำคัญ คือ การสกัดกั้นเชิงรุกให้ทันต่อสถานการณ์ การทำลายเครือข่ายตั้งแต่ผู้ลำเลียงจนถึงผู้อยู่เบื้องหลัง เพื่อให้โครงสร้างค้ายาเสพติดล่มสลายอย่างยั่งยืนและการบูรณาการความร่วมมือของทุกหน่วยงานร่วมกับภาคประชาชน เป้าหมายสูงสุดคือการลดการนำเข้ายาเสพติดตั้งแต่ต้นทาง ผ่านข้อมูลข่าวกรองที่แม่นยำและการปฏิบัติการเชิงลึก เพื่อสร้างแนวป้องกันชายแดนที่มั่นคงและปลอดภัยกว่าเดิม ทั้งนี้พบว่าสถานการณ์ยาเสพติดในประเทศ ยังคงรุนแรงและมีความต้องการสูงขึ้น ทั้งในกลุ่มผู้ค้า ผู้เสพ และนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองใหญ่และจังหวัดท่องเที่ยว ทำให้พื้นที่ตอนในยังคงเป็นเป้าหมายหลักของกลุ่มขบวนการ ขณะที่เครือข่ายค้ายาเสพติดพัฒนาวิธีลำเลียงให้หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนยาจากแหล่งพักชายแดนเข้าสู่เมือง การซุกซ่อนผ่านโลจิสติกส์ รถรับจ้างและการอำพรางรูปแบบต่างๆ ที่ตรวจจับได้ยากขึ้น ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องเผชิญความท้าทายมากกว่าเดิม จึงจำเป็นต้องอาศัยพลังร่วมจากหน่วยงานความมั่นคง ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น ภาคเอกชนและประชาชน ในการเฝ้าระวังและสกัดกั้นอย่างเป็นระบบ การจับกุมที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นจึงต้องเร่งขับเคลื่อนมาตรการเชิงรุกในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการจัดกำลังในพื้นที่เสี่ยง การลาดตระเวนอย่างต่อเนื่องและการใช้เทคโนโลยีเฝ้าตรวจตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงการบูรณาการข่าวกรองเพื่อคาดการณ์เส้นทางลำเลียงให้แม่นยำยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเดินหน้าตัดวงจรเครือข่ายในประเทศ ผ่านการตรวจสอบเส้นทางการเงินและขยายผลถึงผู้สนับสนุนทุกระดับ พร้อมดึงประชาชนในพื้นที่ให้มีส่วนร่วมในการแจ้งเตือนและเฝ้าระวังในชุมชน ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อสกัดกั้นยาเสพติดตั้งแต่ต้นทาง ลดโอกาสการเล็ดรอดเข้าสู่พื้นที่ตอนในและทำลายศักยภาพของขบวนการค้ายาเสพติดอย่างเป็นระบบและยั่งยืน
สำหรับผลปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดของ นบ.ยส.35 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึง 15 พฤศจิกายน 2568 พบเหตุการณ์สำคัญ 38 เหตุการณ์ เป็นการปะทะกับกลุ่มลำเลียง 10 ครั้ง ตรวจยึดและจับกุม 28 เหตุการณ์ ดำเนินคดีรายสำคัญ 32 คดี ยึดยาบ้าได้ 73.74 ล้านเม็ด ไอซ์ 1,447 กิโลกรัม คีตามีน 155 กิโลกรัม เฮโรอีน 61 กิโลกรัม และยึดอายัดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 46 ล้านบาท โดยการจับกุมได้มากกว่าปีที่ผ่านมาเฉพาะยาบ้าเพิ่มกว่า 140% ไอซ์เพิ่ม 95% แสดงว่ายังมีความต้องการสูงมีความเสี่ยงในการที่จะนำเข้าไปในพื้นที่ส่วนภายในของประเทศก็สูง ภาคีเครือข่ายในทุกๆฝ่ายก็จะพยายามสกัดกั้นทุกช่องทาง อย่างแรกแนวชายแดน ถ้ามันหลุดมาได้ก็มาเจอด่านและส่วนของชุมชนต้องมีเกราะป้องกัน ในส่วนประเทศเพื่อนบ้านมีกลไกความร่วมมือ TBC ส่วนทัพภาค 3 ก็เป็นประธาน RBC ซึ่งจะประชุมกันในตามห้วงระยะเวลาก็จะมีการพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้านว่าจะช่วยเหลือการบริหารจัดการให้มันเป็นไปด้วยความเรียบร้อยรวมทั้งความร่วมมือเรื่องเครือข่ายสแคมเมอร์ อาชญากรรมออนไลน์ทางเทคโนโลยีตามนโยบายรัฐบาลด้วย








