มูลนิธิรณรงค์หยุดพนันเผยคนไทยเล่นพนันพุ่ง เยาวชน-สูงอายุ น่ากังวล ช่องทางเข้าถึงยุคออนไลน์ง่าย

มูลนิธิรณรงค์หยุดพนันเผย คนไทยติดพนันพุ่ง! เยาวชน-ผู้สูงวัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดออนไลน์ฮอตสุด
เชียงใหม่ -นายราเมศร ศรีทับทิม มูลนิรณรงค์หยุดพนันเปิดเผยว่า สถานการณ์การพนันในประเทศไทยปี 2566 เข้าขั้นน่าห่วง เมื่อผลสำรวจจากศูนย์ศึกษาปัญหาการพนันเผยว่า คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปกว่า 63.1% หรือราว 34.5 ล้านคน มีพฤติกรรมเล่นพนันในรอบปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ถึง 6.8% หรือกว่า 2.18 ล้านคน โดยมีนักพนันหน้าใหม่ถึง 811,370 คนที่เพิ่งเริ่มเล่นเป็นครั้งแรกในปีนี้
ข้อมูลระบุว่า กลุ่มเยาวชนอายุ 15–25 ปี มีจำนวนผู้เล่นพนันถึง 4.99 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ถึง 667,000 คน ขณะที่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปก็มีผู้เล่นพนันถึง 4.47 ล้านคน เพิ่มขึ้น 429,000 คน สะท้อนถึงการแทรกซึมของการพนันในทุกช่วงวัยของสังคมไทย เมื่อจำแนกตามภูมิภาค พบว่า “ภาคอีสาน” มีสัดส่วนผู้เล่นพนันสูงสุดที่ 66.1% หรือราว 12.1 ล้านคน รองลงมาคือ “กรุงเทพฯและปริมณฑล” ที่ 68.2% หรือ 5.38 เพิ่มขึ้นจากปี 2564 อย่างมีนัยสำคัญ
ผลสำรวจยังพบว่า 99.3% ของคนไทยมีบุคคลรอบตัวเล่นพนัน โดย “เพื่อนสนิท” เป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกอยากเล่นพนันมากที่สุดถึง 84.9% รองลงมาคือ “คนแถวบ้าน” และ “ญาติ” ขณะที่ “พ่อแม่” และ “แฟนคนรัก” ก็มีบทบาทไม่น้อย โดยเด็กอายุ 15–18 ปี ถึง 21% ระบุว่า การเห็นคนรอบตัวเล่นพนันมีผลให้รู้สึกอยากเล่นในระดับ “มากถึงมากที่สุด” ส่วนเยาวชน 19–25 ปี มีถึง 26% ที่รู้สึกเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้คนไทย 99.9% พบเห็นช่องทางเล่นพนัน โดย “แผงขายสลากกินแบ่งรัฐบาล” มากที่สุดถึง 99.6% รองลงมาคือ “โพยหวย-โพยบอล” 83.7% และ “เว็บพนัน” 50.1% ขณะที่ “เฟซบุ๊ก” และ “TikTok” ก็กลายเป็นช่องทางใหม่ที่เข้าถึงง่าย โดยมีผู้พบเห็นถึง 49.6% และ 29.7% ตามลำดับ นอกจากนี้ “บ่อนวิ่ง” และ “บ่อนงานศพ” ก็ยังคงมีบทบาท โดย 64% ของผู้ตอบแบบสอบถามเคยพบเห็น และ 81.7% ระบุว่าสามารถเข้าไปเล่นได้ทันที
ข้อมูลระบุด้วยว่า ประเภทการพนันที่คนไทยนิยมมากที่สุดในปี 2566 ได้แก่ สลากกินแบ่งรัฐบาล – 27.5 ล้านคน หวยใต้ดิน – 21.9 ล้านคน ไพ่พนัน – 4.7 ล้านคน สล็อตแมชชีน – 4.1 ล้านคน พนันบอล – 3.9 ล้านคน โดยเฉลี่ย อย่างน้อยคนไทยเล่นพนัน 2 ประเภทต่อคน และบางคนเล่นสูงสุดถึง 11 ประเภท
ผลสำรวจพบว่า วงเงินหมุนเวียนจากการพนันในปี 2566 สูงถึง 1.014 ล้านล้านบาท โดย “พนันบอล” มีเงินสะพัดมากที่สุดถึง 270,415 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ถึง 49.3% รองลงมาคือ “หวยใต้ดิน” 164,069 ล้านบาท และ “สลากกินแบ่งรัฐบาล” 160,239 ล้านบาท มีข้อสังเกตว่า “สล็อตแมชชีนออนไลน์” มีการเติบโตสูงถึง 647.2% จากปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านสู่การพนันออนไลน์อย่างรวดเร็วและไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายเนื่องจากข้อจำกัดเรื่องระบบ เครื่องมืออุปกรณ์ เทคโนโลยีต่างๆ ที่แยบยลมากขึ้น
ผลกระทบจากการพนันพบว่า กว่า 7.45 ล้านคน หรือ 21.6% ของผู้เล่นพนันในปี 2566 ระบุว่า ได้รับผลกระทบจากการพนัน โดยผลกระทบที่พบมากที่สุด ได้แก่ ขาดเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน – 46.3% เครียด เสียสุขภาพจิต – 34.1% ทะเลาะกับคนในครอบครัว – 34.3% เสียเวลาในการทำงานหรือเรียน – 18.4% ต้องโกหกปิดบังเรื่องการพนัน – 18.6% มีความคิดทำร้ายตัวเอง – 2.0% หนี้สินจากการพนันมีคนไทยถึง 1.67 ล้านคนที่มีหนี้สินจากการพนัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ถึง 48.2% หรือกว่า 543,000 คน ขณะที่ 11.5% ของผู้เล่นพนัน หรือราว 3.97 ล้านคน ระบุว่า การพนันทำให้ฐานะทางการเงินแย่ลง
ข้อมูลจากมูลนิธิรณรงค์หยุดพนันชี้ว่า การพนันมีลักษณะคล้าย “สิ่งเสพติด” ที่ก่อให้เกิดการเสพติดและปัญหาทางจิตใจ โดยผู้เล่นมักมีความเชื่อผิด ๆ เช่น “โชคต้องเข้าข้างสักครั้ง” หรือ “เฉียดคือใกล้ชนะ” ซึ่งเป็นกับดักทางจิตวิทยาที่ทำให้เล่นไม่เลิก เจ้ามือในโลกการพนันไม่ใช่แค่คนชวนเล่น แต่ยังเป็นผู้กำหนด “เกม” และ “กฎกติกา” รวมถึง “กิน” ส่วนแบ่งจากผู้เล่น และอาจ “โกง” ด้วยกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่แยบยลเข้าถึงง่ายรวดเร็ว มีผลตอบแทนยั่วยุในการให้เข้าระบบให้เหยื่อเข้าใจจับต้องได้จนเชื่อว่าได้รับผลตอบแทนจริงๆ ก่อนตกเป็นเหยื่อทุกรายต่อมา
ขณะที่นางสาวอศิณี สมแสน ผู้ประสานงานเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน แผยว่า สถานการณ์การเล่นพนันของเด็กและเยาวชนในปัจจุบันค่อนข้างน่ากังวล เพราะมีเยาวชนเล่นพนัน ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ในปี 2567 ประมาณ 2.9 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นเด็กและเยาวชนนักพนันหน้าใหม่กว่า 7 แสนคน โดยเด็ก ๆ จะเข้าไปเล่นพนันในรูปแบบออนไลน์มากกว่าออฟไลน์ เพราะเข้าถึงได้ง่าย มีการใช้โทรศัพท์ทุกวัน โดยที่ผู้ใหญ่ไม่รู้ สุดท้ายก็กลายเป็นเหยื่อเดือดร้อนตามมาทั้งตัวเด็กถึงครอบครัว การพนันเป็นที่มาของปัญหาสุขภาพ ปัญหาทางการเงิน กระทบกับการเรียน และ การทำงาน ที่สำคัญตอนนี้ต้องเร่งให้เด็กได้รู้เท่าทันว่า จริงๆ การพนันมาในมุมของออนไลน์ แฝงมากับการขายโฆษณาบ้าง หรือ การจ้างอินฟลูเอนเซอร์ดัง ๆ ชักชวนให้เล่นพนัน ซึ่งจะทำให้เขาตระหนักรู้มากขึ้น ในอดีตเทศกาลฟุตบอลขนาดใหญ่ เช่น ฟุตบอลโลก และฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป จะมีนักพนันหน้าใหม่เพิ่มขึ้นราว 2 ล้านคน ในจํานวนนี้ร้อยละ 25 จะกลายเป็นนักพนันต่อเนื่อง หลังเทศกาลจบลง แต่ปัจจุบันไม่ต้องรอรายการใหญ่เพราะฟุตบอลมีลีกสำคัญทั่วโลกมีการแข่งขันตลอดปี อีกทั้งยังพบที่แฝงมาในเกมส์ออนไลน์หรือแพล็ตฟอร์มสื่อสารต่างๆ ในโลกออนไลน์ก็มีการพนันแฝงมาทั้งการโฆษณา เอ็นฟลูเอ็นเซอร์ ยูทูปเบอร์ที่แปะลิงค์ เป็นต้น ทำให้การเข้าถึงง่ายและกลุ่มเยาวชนก็อายุต่ำลงด้วย
จึงไม่แปลกที่ ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน พบว่า คนไทยกว่า 99% มีบุคคลรอบตัวเล่นพนัน ในกลุ่มเด็กและเยาวชนอายุ 15-25 ปี เห็นบุคคลรอบตัวเล่นพนันแล้วทำให้รู้สึกอยากเล่นตามถึง 47% นอกจากนี้ยังพบนักพนันหน้าใหม่ ที่เล่นพนันออนไลน์เป็นครั้งแรกกว่า 7 แสนคนและแนวโน้มก็พุ่งสูง ข้อมูลสำรวจไม่ทางการปี 2568 พบว่า มีผู้เล่นหน้าใหม่เกือบล้านคน เฉพาะเยาวชนพบอายุตั้งแต่ระดับประถมศึกษาตัวเลขทะลุไปกว่า 3 ล้านคนแล้ว โดยสลอตแมชชีน คือเกมพนันที่ได้รับความนิยมสูงสุด ในยุคความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ผู้ประกอบการพนันออนไลน์ปรับกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว มีการโฆษณาชักชวนของเว็บไซต์พนัน ใช้อินฟลูเอนเซอร์รีวิว ดึงดูดนักพนันหน้าเก่าและหน้าใหม่เข้าสู่วงจรติดการพนัน ถือว่าเป็น “การพนันอย่างเข้ม” ที่เปิดโอกาสให้แก้มือได้ทันที เล่นได้ทุกที่ทุกเวลา และเพิ่มเงินเดิมพันให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ เสี่ยงเป็นโรคติดพนัน โรคทางจิตเวชเหมือนการติดสารเสพติด นำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ ในสังคมไทย เช่น การติดหนี้นอกระบบ ความเครียด ความรุนแรง การก่ออาชญากรรม รวมถึงปัญหาสุขภาพจิตซึมเศร้า หรือฆ่าตัวตาย
ข้อมูลจาก เครือข่ายเด็กมีภูมิ Youth Club พบว่า จากผลการเฝ้าระวังเว็บไซต์พนัน ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา พบการปิดตัวและเกิดขึ้นใหม่ของเว็บไซต์พนันอยู่ตลอดเวลา ในปี 2565 พบเว็บพนัน 565 เว็บไซต์ และการสำรวจล่าสุดช่วง ธ.ค. 2567 พบเว็บพนัน 302 เว็บไซต์ แต่โดเมนหลักในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ลิงก์ ซับโดเมน ซับเว็บไซต์ สามารถเข้าถึงช่องทางการเล่นพนันออนไลน์ได้นับหมื่น นับแสนช่องทาง ที่ชักชวนเล่นพนันออนไลน์ และยังคงโฆษณากันอย่างแพร่หลายบนโซเชียลมีเดีย เด็ก และเยาวชน สามารถเข้าถึงได้โดยง่ายหลายรูปแบบจนแทบตามไม่ทันแม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะปิดโดเมนหลักที่เป็นเว็บไซต์พนัน แต่การปิดเฉพาะบางเว็บ หรือช่องทางพนัน เป็นเพียงการปิดกั้นการเข้าถึงเว็บพนันบางส่วนเท่านั้น ธุรกิจพนันยังสามารถเปิดช่องทางใหม่ได้เรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ทางเครือข่ายเด็กมีภูมิ Youth Club ที่มีกลุ่มเด็ก และเยาวชน 25 เครือข่ายได้ยื่น 6 ข้อเสนอ เพื่อสังคมปลอดการพนัน ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องล่าสุดดังนี้ 1. ปราบปรามเว็บพนันออนไลน์เชิงรุกอย่างต่อเนื่อง เช่น พัฒนากลไกการตรวจสอบทางการเงิน ปิดเว็บพนันออนไลน์ และช่องทางการโฆษณา 2. มีมาตรการป้องกัน และบำบัดผู้ติดพนัน 3) มีมาตรการป้องกันครอบครัว และสังคมให้ปลอดพนัน 4. พัฒนากฎหมายให้ทันสมัย และเพิ่มโทษ 5. เฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยงติดพนันของบุคลากรในองค์กร หรือหน่วยงาน 6. ปราบปรามคดีอาชญากรรมทางไซเบอร์.