เร่งแก้ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ยกระดับเข้มงวด รัฐบาลเตรียมหารือประเทศเพื่อนบ้านร่วมมือกัน

เร่งจัดการปัญหา pm2.5 รัฐบาลเตรียมเจรจาพม่า-ลาว ร่วมแก้ปัญหาไฟป่า ฝุ่นควันข้ามแดน ขณะที่สถานการณ์ในเชียงใหม่และภาคเหนือยังรุนแรง

เชียงใหม่ 10 มี.ค.- ที่ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมไฟป่าภาคเหนือ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง พร้อมด้วย นายสุรชาติ เทียนทอง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ประชุมร่วมกับ นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จังหวัดเชียงใหม่ โดยสถานการณ์ล่าสุดในวันนี้ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ ได้รายงานว่า พบจำนวนจุดความร้อนเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่รอบเช้าทั้งหมด 97 จุด ส่วนรอบบ่าย 122 จุด แม้สถานการณ์จะดีกว่าปีที่ผ่านมาในห้องเดียวกันแต่ก็ยังพบปัญหาที่ค่อนข้างรุนแรงระหว่างที่ประชุมก็ยังพบจุด hotspot หลายที่รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญใกล้ตัวเมืองอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าพบไฟหลายจุดกลุ่มควันโขมงปกคลุมผืนป่าเชิงดอยสุเทพและตัวเมืองบางส่วน ซึ่งเจ้าหน้าที่เร่งระดมเข้าระงับเหตุในเวลาเดียวกัน ขณะที่ในช่วงนี้สภาพอากาศระดับพื้นผิวเป็นอากาศปิดทำให้การระบายอากาศเป็นไปได้ยาก จึงทำให้มีฝุ่นสะสมเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากนี้มีแนวโน้มการระบายอากาศอยู่ในระดับปานกลางถึงดี ส่วนเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ผู้แทนจากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ได้รายงานเพิ่มเติมว่า มีพื้นที่ที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ คือ บริเวณป่าบ้านโฮ่งและพื้นที่เขตรอยต่อกับ 3 จังหวัด อาทิ พื้นที่ป่าแม่ปิง อมก๋อยและแม่ตื่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าระวังลาดตระเวนพื้นที่จุดเสี่ยงในป่าอย่างเข้มงวด พร้อมกับได้สั่งปิดป่าแล้วทั้งหมด 19 ป่าอนุรักษ์ ส่วนในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่ ระบุว่า ได้ถ่ายโอนภารกิจไปให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว เพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแล ป้องกันผืนป่าในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการบริหารจัดการเชื้อเพลิง จึงได้สั่งการให้หยุดบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น 

รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เปิดเผยในที่ประชุมว่า สถานการณ์ปัจจุบันอยู่ในระดับที่รุนแรงมากขึ้นตามความคาดการณ์ก่อนหน้านี้ สาเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากการเผาในพื้นที่และฝุ่นควันที่ลอยข้ามพรมแดนมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งสาเหตุที่มาจากการเผาในพื้นที่นั้น จังหวัดเชียงใหม่สามารถจัดการปัญหาการเผาในพื้นที่ได้เป็นอย่างดีจนทำให้สถิติการเกิดความร้อนลดลงเป็นจำนวนมากจากปี 2566 และสามารถขับเคลื่อนและเป็นโมเดลให้พื้นที่อื่นๆ นำไปปรับใช้ได้ แต่อย่างไรก็ตามในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีค่าฝุ่นควันสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ซึ่งรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด โดยนายกรัฐมนตรีได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ตั้งคณะกรรมการศึกษา PM 2.5 แห่งชาติ เพื่อทำงานเชิงรุกแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ขณะเดียวกันได้สั่งการให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หารือร่วมกับรัฐบาลเมียนมาร์ ในการแก้ปัญหาฝุ่นควันข้ามพรมแดนร่วมกัน ซึ่งหากสามารถลดหย่อนการเผาพื้นที่การเกษตรของประเทศเพื่อนบ้านได้ก็สามารถทำให้สถานการณ์ฝุ่นควันในเชียงใหม่ดีขึ้น อีกทั้งได้พยายามขับเคลื่อนให้มีการประชุมหมอกควันข้ามพรมแดนร่วมกันระหว่างเมียนมาและ สปป.ลาว โดยประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้จากการพยายามของทุกภาคส่วนทั้งในระดับชุมชน ตำบล จังหวัดและในระดับประเทศ หวังว่าปีนี้จะเป็นปีสุดท้ายที่ฝุ่นควันเชียงใหม่จะขึ้นอันดับ 1 ของโลก  

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือร่วมกัน รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจเยี่ยมกำลังพลและมอบน้ำดื่มสิ่งของอุปโภคบริโภค หน้ากากอนามัย ตลอดจนมอบเครื่องเป่าลมให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานต่อไป ซึ่งเป็นขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่อีกทางหนึ่ง

ด้านนางวิลาวัลย์ วรพุฒิพงค์ รองนายก อบจ.เชียงใหม่ เผยว่า ทางอบจ.โดยนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายก อบจ.ก็มีนโยบายสนับสนุนภารกิจแก่ อปท.ทุกพื้นที่ที่ร้องขอมาทั้งเครื่องจักรกลและงบประมาณที่พอมี ซึ่งเป็นภัยพิบัติอย่างหนึ่งที่ระยะหลังแรงขึ้น มีการเตรียมการทั้งการป้องกันและแก้ไข รวมทั้งบรรเทาผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน เตรียมแจกหน้ากากอนามัย N95 ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงและทั่วไปหากสถานการณ์แรงขึ้น โดยทำควบคู่ร่วมกับจังหวัด โดยเฉพาะการสนับสนุนภารกิจรวมทั้งศูนย์บัญชาการที่อยู่ใน อบจ.ทีาจะเป็นจุดมอนิเตอร์เพื่อประชุมติดตามประเมิน บัญชาการสถานการณ์อย่างใกล้ชิด.